พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยชุมชนมีส่วนร่วม อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี Development of an Elderly Healthcare Model through Community Participation in Mueang Sam Sip District, Ubon Ratchathani Province / วีรศักดิ์ สุขเลิศ*1 Weerasak Suklert
- January 29, 2025
- admin
- 0
พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยชุมชนมีส่วนร่วม อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี
Development of an Elderly Healthcare Model through Community Participation in Mueang Sam Sip District, Ubon Ratchathani Province
Authors
วีรศักดิ์ สุขเลิศ*1
Weerasak Suklert *1
(Received: 28 December 2024; Revised: 15 January 2025; Accepted: 25 January 2025)
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุในอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีการมีส่วนร่วมของชุมชน และ (3) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้สูงอายุจำนวน 346 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่น (Cronbach’s alpha) เท่ากับ 0.87 โดยใช้กระบวนการ Focus Group และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน Content analysis และการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-Square
ผลการวิจัย พบว่า (1) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม โดยปัจจัยส่วนบุคคล เช่น สถานภาพและรายได้จากบุตรหลาน มีผลต่อการดูแลสุขภาพในด้านต่าง ๆ ปัจจัยเอื้อ เช่น สิ่งแวดล้อมและการเข้าร่วมชมรมผู้สูงอายุ ส่งผลต่อพฤติกรรมสุขภาพโดยรวม ส่วนปัจจัยเสริม เช่น การรับรู้ข้อมูลสุขภาพ มีผลต่อการบริโภคอาหาร การจัดการความเครียด และอนามัยสิ่งแวดล้อม ขณะที่ปัจจัยด้านเพศและระดับการศึกษาไม่พบความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพ (2) พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ โดยมีการกำหนดแนวทางและกิจกรรมที่สอดคล้องกับบริบทของชุมชน (3) คุณภาพชีวิตโดยรวม ก่อนการใช้รูปแบบ พบว่าผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตโดยรวมไม่ดีมีจำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 6.6 ลดลงเหลือ 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.3 หลังการใช้รูปแบบ ขณะที่ผู้ที่มีคุณภาพชีวิตดีเพิ่มขึ้นจาก 21 คน คิดเป็นร้อยละ 13.8 เป็น 46 คน คิดเป็นร้อยละ 30.3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยรวม ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควรผลักดันรูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่พัฒนาขึ้นเข้าสู่นโยบายท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนการบูรณาการความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความยั่งยืน และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อการปรับปรุงที่เหมาะสมกับบริบทชุมชนในอนาคต
คำสำคัญ : การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ, การมีส่วนร่วม, คุณภาพชีวิต, พฤติกรรมสุขภาพ