บทคัดย่อ

บทนำ: ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันส่วนมาก เกิดจากมีนิ่วในถุงน้ำดี ที่พบได้สูงประมาณ 90 – 95 % อาจเกิดจากก้อนนิ่วที่ไปอุดตันท่อน้ำดี จนส่งผลให้น้ำดีไหลออกจากถุงน้ำดีเข้าสู่ลำไส้ไม่ได้ ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้นและมีการยืดขยายตัวมากขึ้น จนไปกดเบียดหลอดเลือดต่างๆ ที่หล่อเลี้ยงถุงน้ำดี ทำให้เยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เมื่อน้ำดีไม่มีการไหลระบายสู่ลำไส้เหมือนปกติ ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี จึงมีการติดเชื้อและการอักเสบ ถ้าขาดเลือดมากขึ้น จะส่งผลทำให้เนื้อเยื่อถุงน้ำดีเน่าตาย หรือเกิดการแตกทะลุของถุงน้ำดี ก่อให้การเกิดติดเชื้อรุนแรงในช่องท้อง และเสียชีวิตได้ 

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษากระบวนการพยาบาล และการดูแลผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันและมีภาวะไตวายเฉียบพลันหลังผ่าตัด

รูปแบบการศึกษา: เป็นการวิเคราะห์และเปรียบเทียบกรณีศึกษากับหลักวิชาการและนำผลการศึกษาไปใช้
ในการดูแลผู้ป่วยรายอื่น

ผลการศึกษา: ชายไทยอายุ 88 ปี มีประวัติเป็น HT, Gout มาโรงพยาบาล ด้วยอาการปวดจุกแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด เป็นมา 10 ชั่วโมง ญาติซื้อยาให้รับประทานเอง อาการไม่ดีขึ้น จึงมาโรงพยาบาล

 ผล Ultrasound upper abdomen: Gall stone with evidence of acute cholecystitis ได้รับการผ่าตัด cholecystectomy with drain ดูแลให้การพยาบาลก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด หลังผ่าตัดพบว่า

มีภาวะไตวายเฉียบพลัน แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม Consult แพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม เรื่องภาวะไตวายเฉียบพลัน และได้รับการดูแลรักษาจนการทำงานของไตดีขึ้น แผลผ่าตัดแห้งดี ไม่มีการติดเชื้อแผลผ่าตัด
จำหน่ายกลับบ้านได้ รวมระยะเวลานอนโรงพยาบาล 28 วัน

สรุป: การพยาบาลผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางศัลยกรรม และเป็น 1 ใน 5 อันดับแรกของกลุ่มโรคสำคัญทางศัลยกรรม และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ถุงน้ำดีเน่า, มีการติดเชื้อ, ไตวายเฉียบพลัน หรือเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งก่อนและหลังผ่าตัดได้ง่าย