โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในเด็กและวัยรุ่น  ซึ่งส่วนใหญ่ควบคุมเบาหวานได้ไม่ดี ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยภาวะวิกฤติที่สำคัญ คือภาวะเลือดเป็นกรด เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้มีภาวะคีโตนคั่งในเลือด เกิดภาวะช็อก ไตวายเฉียบพลัน การหายใจล้มเหลวนำไปสู่การเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว การรักษาผู้ป่วยต้องได้รับสารน้ำและอินซูลินเพื่อแก้ภาวะเลือกเป็นกรดลดการสูญเสียชีวิตของผู้ป่วยโดยวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผู้ป่วยเด็กโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะเลือดเป็นกรด วิธีการศึกษาครั้งนี้เป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะเลือดเป็นกรดของโรงพยาบาลสิงห์บุรี จำนวน 1 ราย ในช่วง 6 – 11 พฤศจิกายน 2565 รวมระยะเวลา 5 วัน จากแบบบันทึกข้อมูล เวชระเบียนผู้ป่วยใน การสัมภาษณ์ผู้ป่วยและญาติ การโทรเยี่ยมติดตามอาการ 

ผลการศึกษาพบผู้ป่วยเด็กหญิงชาวไทย อายุ 14ปี มาโรงพยาบาลด้วยอาการ อาเจียนเป็นเศษอาหาร 4 ครั้งหายใจเหนื่อยหอบ 4 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน 3 ปี รักษาต่อเนื่องโรงพยาบาลชุมชน โดยใช้อินซูลินชนิดแพทย์วินิจฉัย โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะเลือดเป็นกรดผลตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือด 603 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ คีโตนในเลือด 2 บวก และตรวจพบการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะร่วมด้วย ได้รับการรักษาโดยการใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับให้อินซูลินชนิดฉีด และยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยอาการดีขึ้นตามลำดับสามารถถอด   ท่อช่วยหายใจและได้รับการปรับการฉีดอินซูลินจำหน่ายกลับบ้านได้หลังนอนโรงพยาบาล 5 วัน 

สรุปผล จากการศึกษาผู้ป่วยรายนี้มีโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะDiabetic ketoacidosisส่งผลให้การหายใจล้มเหลวต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ พบการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและการฉีดอินซูลินไม่ต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดภาวะDiabetic ketoacidosisพยาบาลผู้ดูแลจึงมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยในภาวะวิกฤติในช่วงแรก และระยะฟื้นฟูตามลำดับ         จนจำหน่ายกลับบ้านได้ โดยมีการเตรียมความพร้อมก่อนกลับบ้านและส่งต่อสู่ระบบบริการสุขภาพในชุมชน  การศึกษาครั้งนี้เป็นการทบทวนแนวทางให้การพยาบาลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ของหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรมอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น